การไหลของกาแฟส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร?

การไหลของกาแฟส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร?

ig-img7.jpg

ในโลกของการทำกาแฟ โดยเฉพาะการสกัดกาแฟ (Extraction) ไม่ใช่แค่เรื่องอุณหภูมิ ความละเอียดของการบด หรือปริมาณกาแฟเท่านั้นที่สำคัญ แต่ “การไหลของกาแฟ” หรือ Coffee Flow ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรสชาติของกาแฟในแก้วหนึ่งอย่างมาก ทั้งความหอม ความเข้ม และบาลานซ์ของรสชาติ ล้วนได้รับอิทธิพลจากการไหลตั้งแต่วินาทีแรกของการสกัด

แล้วการไหลที่ดีหรือไม่ดีมีผลอย่างไร? มาทำความเข้าใจพร้อมกันค่ะ

Coffee Flow คืออะไร?

Coffee Flow หรือ การไหลของกาแฟ หมายถึง รูปแบบและปริมาณการไหลของน้ำกาแฟที่ไหลออกจากหัวกรุ๊ป (Group Head) หรือพวยกาแฟลงสู่แก้ว หรือก้านพอร์ตฟิลเตอร์ (Portafilter) ในช่วงระหว่างการสกัดกาแฟ

โดยการไหลจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • ความละเอียดของกาแฟบด
  • การแทมป์กาแฟ (การกดอัด)
  • แรงดันของเครื่องชง
  • ปริมาณกาแฟที่ใช้
  • การกระจายน้ำหนักของกาแฟในตะแกรง (Distribution)

การไหลของกาแฟมีผลต่อรสชาติอย่างไร?

1. การไหลสม่ำเสมอ → กาแฟสมดุล รสชัด

หากการไหลของกาแฟ สม่ำเสมอ (Even Flow) ทั้งสองหัว พวยกาแฟไหลตรง ไม่กระเซ็น หรือเอียงข้าง จะทำให้การสกัดสารประกอบต่างๆ (Flavor Compounds) ออกมาในอัตราที่เหมาะสม ส่งผลให้:

  • กาแฟมีรสชาติสมดุล (Balanced)
  • กลิ่นหอมชัดเจน
  • บอดี้ (Body) ของกาแฟเนียนนุ่ม
  • ความเปรี้ยว/หวาน/ขม ผสมผสานอย่างลงตัว

2. การไหลเร็วเกินไป → กาแฟอ่อน เปรี้ยวโดด

หากกาแฟไหลเร็วผิดปกติ (ไหลเป็นน้ำฉีด หรือไหลโพล่งออกมาเร็วเกินไป) มักเกิดจาก:

  • การบดกาแฟหยาบเกินไป
  • แทมป์กาแฟไม่แน่นพอ
  • ใช้แรงดันเครื่องสูงเกินจำเป็น

ผลลัพธ์คือ:

  • การสกัดน้อยเกินไป (Under-extraction)
  • กาแฟมีรสชาติเปรี้ยวโดด
  • กลิ่นหอมไม่ชัด
  • รสชาติบาง เบา ไม่มีบอดี้

3. การไหลช้าเกินไป → กาแฟขม หนักปาก

หากการไหลของกาแฟช้าเกินไป หรือหยดทีละนิด (เช่น กาแฟหยดช้ามาก หรือไม่ยอมไหลออก) มักเกิดจาก:

  • บดกาแฟละเอียดเกินไป
  • แทมป์กาแฟแน่นเกินไป
  • การกระจายผงกาแฟไม่ดี ทำให้เกิด “Channeling” (ทางน้ำไหลเฉพาะจุด)

ผลลัพธ์คือ:

  • การสกัดมากเกินไป (Over-extraction)
  • กาแฟมีรสขม รสฝาด
  • บอดี้หนักเกินไป ไม่สมดุล
  • เสียความหวานธรรมชาติของเมล็ดกาแฟ

สรุปง่ายๆ การไหลที่ “เหมาะสม” คือแบบไหน?

  • กาแฟเริ่มไหลภายใน 5-7 วินาทีหลังจากกดเริ่มชง (Pre-infusion + Extraction)
  • ลักษณะการไหลเป็นเส้นสายสวย ไม่กระแทก ไม่กระเซ็น
  • สีของน้ำกาแฟค่อยๆ เปลี่ยนจากเข้มไปอ่อนอย่างนุ่มนวล
  • ใช้เวลาสกัดทั้งหมดประมาณ 25-30 วินาที (ขึ้นกับสูตร)

การไหลที่เหมาะสม จะให้กาแฟที่หอมหวาน กลมกล่อม และบาลานซ์ที่สุด

เทคนิคง่ายๆ ในการปรับการไหลของกาแฟให้ดีขึ้น

  • ปรับความละเอียดการบดให้เหมาะสมกับเมล็ดกาแฟที่ใช้
  • ฝึกการแทมป์น้ำหนักสม่ำเสมอ (ประมาณ 15-20 กิโลกรัมแรงกด)
  • ใช้เทคนิค Distribution เช่น WDT (Weiss Distribution Technique) กระจายผงกาแฟให้ทั่วตะแกรงก่อนแทมป์
  • เช็กการทำ Pre-infusion เพื่อให้กาแฟเริ่มสกัดอย่างนุ่มนวล
  • ใช้สเกลและจับเวลา เพื่อควบคุมความสม่ำเสมอทุกช็อต

สรุป

“การไหลของกาแฟ” ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ สำหรับมือใหม่ แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่ากาแฟที่คุณดื่มจะมีรสชาติอย่างไร การทำความเข้าใจและควบคุมการไหลให้สม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสกัดรสชาติที่ดีที่สุดจากเมล็ดกาแฟได้ทุกครั้งที่ชง

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือบาริสต้ามือโปร การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ อย่างการไหลของกาแฟ คือเส้นทางสู่กาแฟแก้วสมบูรณ์แบบ

ติดต่อเรา

บทความล่าสุด

banner-img6.jpg
Kaffir Lime Spritz คืออะไร? เมนูซ่า หอมมะกรูด ดื่ม...
ในยุคที่เครื่องดื่มแนว ฟิวชัน กลายเป็นเทรนด์มาแรง การนำสมุนไพรไทยมาผสมผสานกับเคร...
banner-img6.jpg
Rosé Latte คืออะไร? เมนูสุดโรแมนติกที่รวมกาแฟ นม แ...
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องดื่มแนว floral ที่ทั้งดูดี รสชาติละมุน และถ่ายรูปสว...
banner-img6.jpg
Spiked Iced Chocolate คืออะไร? ช็อกโกแลตเย็นผสมเหล...
เมื่อเครื่องดื่มสุดคลาสสิกอย่าง “ช็อกโกแลตเย็น” มารวมพลังกับแอลกอฮอล์ที่นุ่มละมุ...
banner-img6.jpg
Cold Brew Negroni คืออะไร? ค็อกเทลกาแฟกลิ่นซิตรัสส...
เมื่อค็อกเทลสุดคลาสสิกอย่าง Negroni มาบรรจบกับกาแฟแนวทันสมัยอย่าง Cold Brew ก็เก...
banner-img6.jpg
Espresso Martini คืออะไร? ค็อกเทลกาแฟสุดเท่ที่ดื่ม...
เมื่อโลกของกาแฟเข้มข้นมาบรรจบกับความหรูหราของค็อกเทล “Espresso Martini” จึงถือกำ...
banner-img6.jpg
Irish Coffee คืออะไร? กาแฟร้อนผสมวิสกี้สไตล์ไอริชท...
หากพูดถึงเมนู “กาแฟมีแอลกอฮอล์” ที่โด่งดังไปทั่วโลก หนึ่งในชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึ...