การไหลของกาแฟส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร?

ในโลกของการทำกาแฟ โดยเฉพาะการสกัดกาแฟ (Extraction) ไม่ใช่แค่เรื่องอุณหภูมิ ความละเอียดของการบด หรือปริมาณกาแฟเท่านั้นที่สำคัญ แต่ “การไหลของกาแฟ” หรือ Coffee Flow ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อรสชาติของกาแฟในแก้วหนึ่งอย่างมาก ทั้งความหอม ความเข้ม และบาลานซ์ของรสชาติ ล้วนได้รับอิทธิพลจากการไหลตั้งแต่วินาทีแรกของการสกัด
แล้วการไหลที่ดีหรือไม่ดีมีผลอย่างไร? มาทำความเข้าใจพร้อมกันค่ะ
หัวข้อ
Coffee Flow คืออะไร?
Coffee Flow หรือ การไหลของกาแฟ หมายถึง รูปแบบและปริมาณการไหลของน้ำกาแฟที่ไหลออกจากหัวกรุ๊ป (Group Head) หรือพวยกาแฟลงสู่แก้ว หรือก้านพอร์ตฟิลเตอร์ (Portafilter) ในช่วงระหว่างการสกัดกาแฟ
โดยการไหลจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:
- ความละเอียดของกาแฟบด
- การแทมป์กาแฟ (การกดอัด)
- แรงดันของเครื่องชง
- ปริมาณกาแฟที่ใช้
- การกระจายน้ำหนักของกาแฟในตะแกรง (Distribution)
การไหลของกาแฟมีผลต่อรสชาติอย่างไร?
1. การไหลสม่ำเสมอ → กาแฟสมดุล รสชัด
หากการไหลของกาแฟ สม่ำเสมอ (Even Flow) ทั้งสองหัว พวยกาแฟไหลตรง ไม่กระเซ็น หรือเอียงข้าง จะทำให้การสกัดสารประกอบต่างๆ (Flavor Compounds) ออกมาในอัตราที่เหมาะสม ส่งผลให้:
- กาแฟมีรสชาติสมดุล (Balanced)
- กลิ่นหอมชัดเจน
- บอดี้ (Body) ของกาแฟเนียนนุ่ม
- ความเปรี้ยว/หวาน/ขม ผสมผสานอย่างลงตัว
2. การไหลเร็วเกินไป → กาแฟอ่อน เปรี้ยวโดด
หากกาแฟไหลเร็วผิดปกติ (ไหลเป็นน้ำฉีด หรือไหลโพล่งออกมาเร็วเกินไป) มักเกิดจาก:
- การบดกาแฟหยาบเกินไป
- แทมป์กาแฟไม่แน่นพอ
- ใช้แรงดันเครื่องสูงเกินจำเป็น
ผลลัพธ์คือ:
- การสกัดน้อยเกินไป (Under-extraction)
- กาแฟมีรสชาติเปรี้ยวโดด
- กลิ่นหอมไม่ชัด
- รสชาติบาง เบา ไม่มีบอดี้
3. การไหลช้าเกินไป → กาแฟขม หนักปาก
หากการไหลของกาแฟช้าเกินไป หรือหยดทีละนิด (เช่น กาแฟหยดช้ามาก หรือไม่ยอมไหลออก) มักเกิดจาก:
- บดกาแฟละเอียดเกินไป
- แทมป์กาแฟแน่นเกินไป
- การกระจายผงกาแฟไม่ดี ทำให้เกิด “Channeling” (ทางน้ำไหลเฉพาะจุด)
ผลลัพธ์คือ:
- การสกัดมากเกินไป (Over-extraction)
- กาแฟมีรสขม รสฝาด
- บอดี้หนักเกินไป ไม่สมดุล
- เสียความหวานธรรมชาติของเมล็ดกาแฟ
สรุปง่ายๆ การไหลที่ “เหมาะสม” คือแบบไหน?
- กาแฟเริ่มไหลภายใน 5-7 วินาทีหลังจากกดเริ่มชง (Pre-infusion + Extraction)
- ลักษณะการไหลเป็นเส้นสายสวย ไม่กระแทก ไม่กระเซ็น
- สีของน้ำกาแฟค่อยๆ เปลี่ยนจากเข้มไปอ่อนอย่างนุ่มนวล
- ใช้เวลาสกัดทั้งหมดประมาณ 25-30 วินาที (ขึ้นกับสูตร)
การไหลที่เหมาะสม จะให้กาแฟที่หอมหวาน กลมกล่อม และบาลานซ์ที่สุด
เทคนิคง่ายๆ ในการปรับการไหลของกาแฟให้ดีขึ้น
- ปรับความละเอียดการบดให้เหมาะสมกับเมล็ดกาแฟที่ใช้
- ฝึกการแทมป์น้ำหนักสม่ำเสมอ (ประมาณ 15-20 กิโลกรัมแรงกด)
- ใช้เทคนิค Distribution เช่น WDT (Weiss Distribution Technique) กระจายผงกาแฟให้ทั่วตะแกรงก่อนแทมป์
- เช็กการทำ Pre-infusion เพื่อให้กาแฟเริ่มสกัดอย่างนุ่มนวล
- ใช้สเกลและจับเวลา เพื่อควบคุมความสม่ำเสมอทุกช็อต
สรุป
“การไหลของกาแฟ” ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ สำหรับมือใหม่ แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่ากาแฟที่คุณดื่มจะมีรสชาติอย่างไร การทำความเข้าใจและควบคุมการไหลให้สม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสกัดรสชาติที่ดีที่สุดจากเมล็ดกาแฟได้ทุกครั้งที่ชง
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือบาริสต้ามือโปร การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ อย่างการไหลของกาแฟ คือเส้นทางสู่กาแฟแก้วสมบูรณ์แบบ
ติดต่อเรา
- Facebook : ไทแดง – TieDaeng
- เว็บไซต์ : www.tiedaeng.com




